top of page

Our Services

Book Online: Bookings

CLIENT TESTIMONIALS

ข้อความจากผู้ใช้บริการ

เราทุกคนควรได้มีโอกาสทบทวนและมองย้อนกลับไปในชีวิตของตัวเองเพื่อรู้จักและเข้าใจชีิวิตตนเองให้มากขึ้น สิ่งที่ได้จากการบำบัดคือการก้าวข้ามอุปสรรคทางใจที่ขวางกั้นเราอยู่ การพัฒนามายด์เซ็ทหรือการปรับปรุงแนวความเชื่อเพื่อให้สอดคล้องกับความรู้สึกในการดำเนินชีวิต และบทเรียนอันล้ำค่าที่ส่งมาให้เราเรียนรู้โดยเฉพาะ นี่เป็นเพียงบางส่วนของผู้ที่เคยเข้ามาเรียนรู้ตนเองและยินดีที่จะแบ่งปันบางส่วนของชีวิตที่ได้เรียนรู้

“นิดได้เรียนรู้ว่าเรามีสิทธิ์ที่จะเสียใจร้องไห้ได้ถ้าเรารู้สึกแบบนั้น เราไม่จำเป็นต้องแสดงความเข้มแข็งตลอดเวลาอย่างที่คนอื่นต้องการให้เราเป็น การร้องไห้ไม่ได้หมายความว่าเราอ่อนแอหรือพ่ายแพ้ต่อทุกสิ่ง การสูญเสียบุคคลที่เรารักหรือการพลัดพรากมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเสียใจร้องไห้ฟูมฟาย  ร้องไห้เพราะเสียใจในความเจ็บปวดกับการสูญเสียมันเป็นเรื่องธรรมดา เราไม่ต้องฝืนธรรมชาติด้วยการบังคับฝืนใจเก็บความรู้สึกที่มันเลวร้ายเอาไว้แล้วหลีกหนีไปทำสิ่งอื่นเพื่อมาปกปิดความรู้สึกนั้นไว้  แบบนั้นมันอาจจะรู้สึกดีในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่มันไม่ต่างจากระเบิดเวลาเพราะมันสะสมความเจ็บปวดที่กักกั้นน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจไว้ในเขื่อนแห่งความรู้สึก ในโลกภายนอกเราแค่เปิดเผยเพียงรอยยิ้มให้คนรอบข้างเห็นว่าเราเข้มแข็ง จริงๆแล้วโลกภายในเราไม่กล้าที่จะเสียใจไม่กล้าที่จะร้องไห้เพียงเพราะตัดสินตัวเองว่าเมื่อไหร่ที่เธอร้องไห้เธอคือความอ่อนแอเธอคือความพ่ายแพ้เธอทำให้ทุกคนเป็นทุกข์  แย่ไปกว่านั้นคืออยากปิดสวิตซ์ในการดำเนินชีวิตไปเลย ขอบคุณครูต้นที่ทำให้ยอมรับความเจ็บปวด ขอบคุณที่ทำให้ปลดปล่อยน้ำตาที่ซ่อนไว้มาเนิ่นนาน  ขอบคุณที่ทำให้กลับมาโอบกอดตัวเองไว้อีกครั้ง การทรานซ์ของนิดไม่ได้ทำให้ความเจ็บปวดนั้นหายไปแต่มันทำให้เรากล้าหาญที่จะยอมรับและเรียนรู้ เยียวยาจิตใจด้วยตัวของเราเอง ถ้าคุณกำลังกลัวหรือหนีบางสิ่งอยู่และการที่ยิ่งหนีมันก็ยิ่งเจ็บปวด ลองเผชิญหน้ากับมันดูค่ะ ถ้าหากคุณไม่รู้จะเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นอย่างไรคุณลองเปิดใจบำบัดด้วยการทรานซ์เพื่อเยียวยาตัวเองให้กลับมามีพลังชีวิตที่งดงามอีกครั้ง”

นิด (มหาสารคาม) ฟรีแลนซ์

“ตอนนั้นตั๊กมีปัญหาชีวิต เหมือนมีปมในใจที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้ ทำให้เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายและรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ไม่กล้าที่จะเล่าให้ใครฟังเพราะกลัวจะถูกว่าเป็นตัวปัญหา จนกระทั่งพี่ต้นได้แนะนำการทรานซ์ให้และบอกว่าช่วยบำบัดจิตใจของคน ตอนแรกก็คิดว่าการทรานซ์มันได้ผลจริงๆเหรอ เพราะปมของตั๊กมันแก้ยากมาก จนพี่ต้นได้ทรานซ์เข้าถึงจิตใจตั๊ก ค่อยๆคลายปมทีละนิด พร้อมกับบอกวิธีแก้ปัญหาแบบง่ายๆ หลังจากทรานซ์แล้ว สิ่งที่ตั๊กได้รับคือ ความสบายใจที่ได้ปล่อยวาง เข้าใจตัวเองและเข้าใจโลกมากกว่าเดิม ชีวิตตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น เป็นตั๊กคนใหม่ที่มองโลกในแง่ดีและมีความสุขในการใช้ชีวิต อยากจะบอกว่าปัญหาต่างๆที่คุณคิดว่าตัวเองไม่สามารถก้าวผ่านไปได้ ตั๊กแนะนำให้ปรึกษาพี่ต้นและให้ช่วยทรานซ์ให้ค่ะ แล้วจะรู้ว่าปัญหาทุกอย่างมันมีทางออกเสมอ”

ตั๊ก (กทม) พนักงานบริษัท

“ดิฉันทำมาแล้วค่ะ ยอมรับค่ะว่าได้ผล ปมในใจที่เราคิดว่าเราไม่มี แต่มันก็กลับมี หลังจากทำแล้ว ตอนนี้ความคิดความเข้าใจที่เรามีต่อคนรอบข้างเปลี่ยนไปเยอะมาก เราใจเย็นขึ้น เริ่มรับรู้ความรักของคนในครอบครัว เราเข้าใจคนอื่นเยอะขึ้น คนรอบข้างบอกค่ะ คนในบ้านก็เริ่มคุยกันมากขึ้น กอดแล้วสนิทใจมากขึ้น ถ้ามีโอกาสแนะนำว่าให้ลองดูนะคะ ครั้งแรกก็รู้แล้วค่ะ”

ญาติกา (กทม) เจ้าของกิจการ

"ขอบคุณครูพี่ต้นที่ช่วยฉุดนิวขึ้นมาจากความคิดและความรู้สึกที่ทำให้นิวทุกข์ มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเองเวลาที่ถูกสิ่งใดมากระทบ กลัวการถูกนอกใจ กลัวคนไม่รัก เพราะเหตุการณ์สะเทือนใจในวัยเด็ก

หลังออกจากทรานซ์ นิวยอมรับสิ่งเหล่านั้นที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก มีมุมมองใหม่เกิดขึ้นและเข้าใจอะไรมากขึ้น มีบทสรุปใหม่เกิดขึ้นกับตัวเองและสามารถสงบสุขอยู่กับมันได้ นิวมั่นใจกับแฟนมากขึ้น เข้าใจเค้ามากขึ้น อาการภูมิแพ้ของนิวหายไป หยุดกินยาแก้แพ้และมันก็หายไปเลยจริงๆค่ะ ทุกครั้งที่มันวกกลับมา นิวสามารถสั่งใจให้แข็งแกร่งได้ว่า เราไม่แพ้แล้ว เดี๋ยวมันก็หาย และมันก็หายจริงๆ

นิวรักตัวเองมากขึ้น เหมือนมันมีแสงสว่าง วิบวับบนหัว ตื่นเช้ามาด้วยความสดชื่น รู้ว่าตัวเองเป็นที่รัก และคู่ควรกับสิ่งที่ดีที่สุด ทำให้นิวมั่นใจ และสิ่งที่เรียกว่าความสุข หรือ สเน่ห์ มันออกมาจากข้างในอีกครั้งค่ะ

รักครูพี่ต้น"

นิว (กทม) พนักงานบริษัท

"พื้นฐานตัวเองไม่เคยรู้หรือคิดว่าตัวเองมีปมอะไรในใจเลย เพราะคิดว่าถึงแม้ตัวเองไม่ได้ดีมากมายแต่ก็ไม่ได้แย่หรือเลวร้ายอะไร ครอบครัวก็น่าจะมีความสุขดีนะ หรือดีบ้างเป็นครั้งคราว อบอุ่นมากหรือมากจนร้อนบ้างในบางที ชีวิตลุ่มๆดอนๆ เรื่องงานพอดูท่าทางจะดีแต่แล้วก็กลายเป็นแย่ ความรักพอจะดีก็พังอีก ความสำเร็จในชีวิตไม่มีความหมาย มันเป็นลูปเดิมๆซ้ำๆจนบางครั้งก็หันไปโทษดินโทษฟ้าแต่ไม่เคยหันมาถามตัวเองว่า "ทำไมวะ?" ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้? ครูพี่ต้นบอกว่า "เราซ่อมใจตัวเองได้นะคะ" เออว่ะ ทำไมไม่ลองล่ะ?

เคยมีคำถามกับตัวเองไหมคะว่าทำไมชีวิตเราเป็นแบบนี้? เพราะเราโดนคำพูดอะไร โดนใครทำอะไรใส่ในวัยเด็กที่จำไม่ได้มั้ย? ไม่มีหรอก ทุกคนโทษดินฟ้าอากาศโทษสิ่งภายนอกและดวงตกฟากหมด ครูพี่ต้นบอกเอ๊ดว่า ไป... เราไปดูกันว่าเบื้องลึกแรก ต้นเหตุที่ทำให้เอ๊ดเป็นอะไรแบบนี้ มันเป็นเพราะอะไร

วันนั้นเรานั่งคุยกันเหมือนพี่ เพื่อน น้อง ปรับทุกข์กัน แล้วในทรานซ์เอ๊ดก็เห็นว่า เด็กผู้หญิงคนนึงในชุดมหาลัยนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น ครูพี่ต้นถามว่า เอ๊ดตอนนั้นเป็นอะไร ทำไมถึงร้องไห้ มันคือภาพที่เราลืมไปแล้วแต่มันกลับผุดขึ้นมาตอนนี้ ตามตัวเอ๊ดมีรอยไม้แขวนเสื้อ ไม้หนีบกระโปรงเป็นรอยตามขา แตกเลือดซิบๆ

เอ๊ดทะเลาะกับแม่ค่ะ อะไรก็ตามที่แม่อยากให้เราทำ เราจะต่อต้าน มันเกิดจากคำถามของเราที่มีต่อแม่ว่า ทำไมต้องเรียนอะไรเยอะแยะด้วย? น้อยกว่านี้ทำไมถึงไม่ได้? จนเรามีปากเสียงกัน แล้วแม่ก็เริ่มขว้างปาสิ่งของทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือใส่เด็กคนนั้น เริ่มตี เริ่มว่า จนขาเราแตกเลือดซิบ และคำพูดที่เราไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำให้เราเสียใจได้ถึงขนาดนั้น? "แกไม่เคยทำให้แม่ภูมิใจได้เลย"

จากเหตุการณ์ คำพูด และการกระทำตอนนั้น เราไม่รู้เลยว่ามันฝังลึกลงในจิตใต้สำนึกของเราแล้ว ครูพี่ต้นช่วยให้เอ๊ดได้กลับเข้าไปกะเทาะปมในใจที่ลืมไปแล้ว เข้าใจต้นเหตุที่มันมีผลกับความรู้สึกของเรามาจนถึงตอนนี้ กลับไปให้อภัยตัวเอง ให้อภัยแม่ และมอบความรักและเข้าใจกับแม่มากขึ้น

วันนั้นเราเดินจากบ้านหลังนั้นของครูออกมาด้วยน้ำตาเต็มแก้มก็จริง แต่หัวใจมันอิ่มเต็มไปด้วยความเข้าใจและการให้อภัย ความสำเร็จในชีวิตไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป เรามีจุดหมาย เราปักธงไว้ โดยมีแม่และครอบครัวของเราที่เราเคยวิ่งหนีเป็นกำลังใจ 

คำว่า เอ๊ด เราซ่อมใจ เราให้อภัยได้เสมอนะคะ มันก้องในใจ มันเห็นเหตุการณ์เก่าแล้วเรากลับไปแก้ไขได้ เราซ่อมใจเราได้จริงๆ ทุกวันนี้แม้มีเรื่องกระทบใจเราก็แค่รับรู้ว่ามันเกิดจากอะไร แต่เราไม่โทษใคร ไม่ทำร้ายใจตัวเอง และเรื่องร้ายๆในชีวิตเราก็จะหายไปเช่นกัน

ขอบคุณครูพี่ต้นที่เตือนสติและนำทางให้แสงสว่างชีวิตอีกครั้งค่ะ"

พจมาน (กทม.) CEO Interior Company

วันที่ได้รู้จักครูต้นเป็นช่วงจังหวะเดียวกับการรักษาโรคซึมเศร้า ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีเราแทบจะไม่เปิดเผยและพูดเรื่องราวชีวิตให้คนอื่นรับรู้แม้กระทั่งคนใกล้ตัว แต่กับครูต้นทุกอย่างตรงกันข้าม คำพูดของครูต้นเปรียบเสมือนแสงสว่างที่ก่อเกิดขึ้นในความมืดบอดของจิตใจเรา มันสะท้อนถึงความคิดและความรู้สึกที่เราพยายามเรียกร้องมาตลอด และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ได้หลังจากที่พูดคุยกันนั่นคือ ความหวังและเป้าหมาย

ถ้าไม่มีครูต้นในวันนั้น เราอาจไม่มีลมหายใจอยู่จนถึงทุกวันนี้ ของคุณจริงๆค่ะ

ปิ๊ง (กทม.) กิจการส่วนตัว

bottom of page