top of page

Therapeutic Coaching

การบำบัดเชิงโค้ช

ปลดปล่อยและเปลี่ยนแปลงพลังงานไม่ดีในอดีตให้กลายเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชีวิต

LIFE

ชีวิตคืออะไร? โลกนี้สำหรับคุณมันคืออะไร? เหตุใดคนแต่ละคนจึงให้นิยามของโลกและชีวิตไม่เหมือนกัน นิยามของชีวิตของคุณคืออะไร? มันมีความหมายต่อคุณอย่างไร? เหตุใดเราจึงมีความรู้สึกบางอย่างขัดแย้งภายในใจ? หรืออาจเพราะมีบางสิ่งบางอย่างที่มันขาดหายไป? เรากำลังตามหาสิ่งใด? ความสุขคืออะไร? ความสุขของเราอยู่ที่ไหน? คุณค่าของเราอยู่ที่ใด? ชีวิตของเรามีอยู่และเป็นไปเพื่อสิ่งใด? เหตุใดสิ่งที่เราทำแล้วคิดว่าจะนำความสุขมาให้แต่เมื่อทำแล้วเรากลับไม่รู้สึกแบบนั้น? นี่เป็นเพียงคำถามเบื้องต้นในการค้นหาความหมายของชีวิต พวกเราบางคนเคยลองถามคำถามเหล่านี้กับตัวเอง เคยหาคำตอบ ได้รู้คำตอบและรู้จักตัวเองดีขึ้น บางคนทราบคำตอบแล้วและพบว่าคำตอบของคำถามพาเราไปสู่คำถามใหม่ที่กลับทำให้เราไม่เข้าใจตัวเองยิ่งขึ้นและยิ่งพยายามหาคำตอบให้กับตัวเองหนักขึ้น ชีวิตจึงเต็มไปด้วยความสับสนและเหน็ดเหนื่อย 

เราอยู่ในโลกที่ไม่มีความแน่นอนเพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งที่เราเคยทำแล้วได้ผลดีในอดีตอาจไม่เป็นเช่นเดิมแล้วในวันนี้ พวกเราส่วนใหญ่อยู่ในโลกนี้โดยอาศัยหลักการที่คนอื่นเป็นคนตั้งไว้โดยเข้าใจว่ามันดีที่สุดสำหรับเราแล้วและพบว่าตัวเองไม่เคยมีความสุขอย่างแท้จริงทั้งๆที่ทำตามสิ่งที่คิดว่าเข้าใจดีแล้ว เลือกไว้ดีแล้ว ตัดสินใจถูกแล้ว แท้ที่จริงแล้วเราอาจกำลังใช้ชีวิตของตัวเองอยู่บนมาตรฐานความสุขและความพอใจที่ขอยืมมาจากคนอื่น หรือแท้ที่จริงแล้วเราอาจกำลังใช้ชีวิตของคนอื่นอยู่ในร่างกายและสถานการณ์ของเราเอง มาตราฐานความสุขความพอใจและ "ความดี" ที่เราขอยืมมานั้นอาจมาจากพ่อแม่ ครูอาจารย์ เพื่อนฝูง คนรู้จัก คนที่เรารัก คนที่เราอยากทำให้เค้าภูมิใจ หรือแม้แต่สิ่งที่เราคิดไปเองว่าได้มาจากสังคมและผู้คนรอบข้างที่มองเข้ามา พวกเราบางคนไม่เคยรู้จักและเข้าใจตัวเองมากพอที่จะรู้ว่าความสุขในมุมมองของตัวเองคืออะไร? ความหมายชีวิตของเราคืออะไร? เราเป็นใคร? การมีตัวตนอยู่ในโลกนี้ของเราเป็นไปเพื่อสิ่งใด? วันนี้เราตื่นขึ้นมาเพื่อสิ่งใด? มันมีความหมายยังไงกับเรา? หรือวันนี้เราจะกอดความหมายอะไรในชีวิตเข้านอน?

ในเมื่อมันไม่มีสูตรตายตัวสำหรับการใช้ชีวิตของแต่ละคน เหตุใดไม่ลองค้นคว้าเพื่อหาสูตรที่เหมาะสำหรับตัวเราเอง?

ครูพี่ต้นใช้ทั้งสิ่งที่เรียกว่า Heart-based Coaching และ Brain-based Coaching ในการทำ Life Coaching ในรูปแบบ Therapeutic Coaching ในระดับจิตใต้สำนึก (Mind Coaching) เพื่อช่วยให้เราเข้าใจตนเองมากขึ้น ค้นหาความเชื่อหรือการตีความใดๆในอดีตที่สร้างรูปแบบของเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำๆกับชีวิตของเรา เพื่อเข้าใจถึงที่มาของความรู้สึกขัดแย้งในจิตใจ เพื่อตอบคำถามของตนเองที่พยายามหาคำตอบมานาน คำตอบที่เป็นของเราจริงๆที่ไม่ได้ขอยืมคำเฉลยและความหมายมาจากใคร เพื่อการตระหนักรู้ เพื่อการก้าวข้าม เพื่อการเติบโต เพื่อการพัฒนา และเพื่อเพิ่มความสามารถในการดูแลความรู้สึกของเราเองต่อไปได้ ด้วยตัวของเราเอง

RELATIONSHIP

เหตุใดบางครั้งเราจึงรู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่ใกล้ใครบางคนแม้ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเลยแม้แต่คำเดียว? และเหตุใดเรากลับรู้สึกตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับคนบางคนเมื่อได้อยู่ใกล้ๆกันทั้งที่ไม่ได้พูดคุยกันเลยแม้แต่คำเดียว?ในบางครั้ง เรารู้ตัวได้อย่างชัดเจนว่าเราไม่สบายใจกับใครบางคนที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเรา หรือแม้แต่ทั้งๆที่เรารู้สึกดี แต่กลับมีบางสิ่งบางอย่างทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจกับความรู้สึกแบบนี้ปัญหาส่วนใหญ่ที่เราเผชิญกันอยู่ไม่ว่าจะในที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่ในกลุ่มเพื่อนฝูง ปัญหาทั้งหมดนั้นส่วนใหญ่มีรากมาจากเรื่องความสัมพันธ์ มันเป็นต้นเหตุของปัญหาอื่นๆที่ตามมาในชีวิต แต่ถึงกระนั้น ตัวของมันเองก็มีเหตุที่ทำให้มันเกิดขึ้นมาเช่นกันและนั่นคือจุดที่การโค้ชเรื่องความสัมพันธ์นำมาใช้ในการทำงานคุณภาพชีวิตของคนเรานั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของความสัมพันธ์กับทุกมิติของชีวิต ดังนั้นการเรียนรู้และเข้าใจตนเองในเรื่องความสัมพันธ์จะช่วยให้คุณภาพชีวิตของเราค่อยๆดีขึ้นในทุกๆมิติของชีวิต โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์กับตนเอง

HEALTH

ร่างกายของเรานั้นมีความสามารถในการรักษาเยียวยาตัวเองอยู่แล้ว หากเราถูกมีดบาด มันสามารถหายเองได้โดยที่เราไม่ต้องทำอะไร หมอเพียงทำความสะอาดและอำนวยความสะดวกให้ร่างกายของเรารักษาตัวเองเท่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นหากเราฝึกฝนความสามารถนี้ของร่างกายให้ช่วยรักษาเยียวยาอาการเจ็บป่วยอื่นๆที่เราเชื่อว่าหนักหนาสาหัสเกินเยียวยา?

 

ร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนี้ ระบบการทำงานของมันสมบูรณ์แบบในตัวของมันเอง มันมีส่วนประกอบของการทำงานสามส่วนใหญ่ซึ่งประกอบไปด้วย ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ทั้งสามส่วนต้องสัมพันธ์กันอย่างสมดุล มันทำงานเป็นเหมือนเก้าอี้สามขา ดังนั้นไม่ว่าหากส่วนหนึ่งส่วนใดป่วยขึ้นมาก็จะทำให้ระบบอื่นๆรวนไปด้วย ในเมื่อระบบทั้งสามส่วนนี้สัมพันธ์กัน เราจึงสามารถใช้ระบบหนึ่งเยียวยาหรือส่งเสริมอีกระบบหนึ่งได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ใจรักษาร่างกาย การใช้ร่างกายรักษาใจ หรือการใช้ใจและร่างกายรักษาจิตวิญญาน

bottom of page